วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553
บทที่ 3
บทที่ 3
พัฒนาการคอมพิวเตอร์
3.1 เครื่องคำนวณในยุคประวัติศาสตร์
พัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีในช่วง 100 ปี ที่ผ่านมาได้เป็นไปอย่าง
รวดเร็วเห็นได้จากการที่มีคอมพิวเตอร์เมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้วต่อมามีระบบสื่อสารโทรคมนาคมสมัยใหม่เกิดขึ้นมากมายเทคโนโลยีไมโคร
คอมพิวเตอร์ได้พัฒนาในช่วง 20 ปีเศษนี้เอง และมีการพัฒนาก้าวหน้า
อย่างรวดเร็วทุกๆ ปีจะมีผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ใหม่ออกจำหน่ายจำนวนมาก
หากจะแบ่งการพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์จากอดีตสู่ปัจจุบันสามารถแบ่ง
เป็นยุคก่อนการใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ และยุคที่เครื่องคอมพิวเตอร์เป็น
อุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์
จากหลักฐานประวัติศาสตร์พบว่าลูกคิดเป็นเครื่องคำนวณที่ใช้กันในหมู่
ชาวจีนมากว่า 7,000 ปี และใช้กันในอียิปต์โบราณมากว่า 2,500 ปี
ชาวจีนมากว่า 7,000 ปี และใช้กันในอียิปต์โบราณมากว่า 2,500 ปี
3.2 คอมพิวเตอร์ยุคสูญญากาศ
ในปี พ.ศ. 2486 วิศวกรสองคนคือ จอห์น มอชลี (John Mouchly) และ เจเพรสเปอร์ เอ็ดเคิร์ท (J. Presper Eckert) ได้เริ่มพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ และจัดได้ว่าเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานทั่วไปเป็นเครื่องแรกของโลกมีชื่อว่า อินิแอค (Electronic Numerical Integrator And Calculator : ENIAC) โดย เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้หลอดสุญญากาศและใช้งานที่มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ในระยะเวลาใกล้เคียงกันนี้ก็มีการสร้างคอมพิวเตอร์และเครื่องคำนวณ ที่ใช้หลอด สุญญากาศขึ้นอีกหลายรุ่น เช่น IBM 603, IBM 604 และ IBM SSEC แต่เครื่อง คอมพิวเตอร์ที่ไอบีเอ็มสร้างในยุคหลอดสุญญากาศยุคแรกนี้ยังเน้นในเรื่อง การคำนวณ ในปี พ.ศ. 2488 จอห์น วอน นอยแมน (John Von Neumann) ได้สนใจ เครื่องอินิแอคและได้เสนอแนวคิดในการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีหน่วยความจำ เพื่อใช้เก็บข้อมูลและโปรแกรมการทำงานหรือชุดคำสั่งของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์จะทำงานโดยเรียกชุดคำสั่งที่เก็บไว้ในหน่วยความจำมาทำงาน หลักการ นี้เป็นหลักการที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน หลอดสุญญากาศ เป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีขนาดใหญ่และต้องใช้กระแส ไฟฟ้ามากเพื่อเผาไส้หลอดให้เกิดประจุอิเล็กตรอนวิ่งผ่านตาราง (grid) การทำงาน ของหลอดสุญญากาศใช้วิธีการควบคุมการไหลของกระแส อิเล็กตรอน ที่วิ่งผ่าน แผ่นตาราง คอมพิวเตอร์ในยุคสุญญากาศ ได้เจริญก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับมีการพัฒนา หน่วยความจำถาวรที่เก็บข้อมูลได้จำนวนมากระยะแรกใช้วิธีการเก็บข้อมูลในบัตร เจาะรูแต่ทำงานได้ช้าจนในที่สุดก็มีการใช้หน่วยเก็บข้อมูลในรูปจานแม่เหล็ก วงแหวนแม่เหล็กวิธีการที่ใช้เก็บข้อมูลในวงแหวนแม่เหล็กใช้มาจนถึงประมาณปี พ.ศ. 2513 นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาวิธีการเก็บข้อมูลในรูปดรัมแม่เหล็กและ เทปแม่เหล็กอีกด้วย 3.3 คอมพิวเตอร์ิยุคทรานซิสเตอร์
|
วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เลขฐานสอง
ว = 11000111
ร = 11000011
ร = 11000011
ณ = 10110011
พ = 10111110
ร = 11000011
เด็กเก่งและดี
เ= 11100000
ด= 10110100
้= 11100111
ก=10100001
เ=11100000
ก= 10100001
่=11101000
ง=10100111
แ=11100001
ล=11000101
ะ=11010000
ด=10110100
ี=11010100
ร = 11000011
ร = 11000011
ณ = 10110011
พ = 10111110
ร = 11000011
เด็กเก่งและดี
เ= 11100000
ด= 10110100
้= 11100111
ก=10100001
เ=11100000
ก= 10100001
่=11101000
ง=10100111
แ=11100001
ล=11000101
ะ=11010000
ด=10110100
ี=11010100
วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553
บทที่ 2 สารสนเทศ
1.ข้อมูล (data) คือ ข้อเท็จจริงหรือรายละเอียดของสิ่งที่เราสนใจ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรือเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งข้อเท็จจริงเหล่านี้อาจอยู่ในรูปแบบต่างๆ เช่น ตัวเลข ข้อความ ภาพ เสียง ดังนั้นข้อมูลจึงเป็นการเก็บรวบรวมเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของสิ่งที่เราสนใจนั่นเอง
2.สารสนเทศ (information) หมายถึง ข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เพราะได้ผ่านการประมวลผลด้วยวิธีการที่เหมาะสมและถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ อยู่ในรูปแบบที่สามารถนำไปใช้งานได้ และต้องอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องการ
2.1 ระบบสารสนเทศ (information System : IS) คือ การดำเนินงานกับข้อมูล ตามขั้นตอนการปฏิบัติงาน โดยบุคลากรใช้ฮาร์ดแวร์ และ ซอฟต์แวร์ เป็นเครื่องมือให้ได้มาซึ่งสารสนเทศที่ต้องการ
การจัดทำสารสนเทศจะทำให้เกิดความรอบรู้ที่จะช่วยในการตัดสินใจหรือวางแผนในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ
สารสนเทศสามารถแบ่งประเภทได้ตามความต้องการที่จัดขึ้นได้ ดังนี้
1.) สารสนเทศที่ทำเป็นประจำ เป็นสารสนเทศที่จัดทำขึ้นเป็นประจำ และมีการดำเนินการโดยสม่ำเสมอ
2.) สารสนเทศที่ต้องทำตามกฎหมาย ตามข้อกำหนดแต่ละประเทศจะมีการให้ทำรายงานส่งเพื่อการต่างๆ
3.) สารสนเทศที่ได้รับมอบหมายให้จัดขึ้นโดยเฉพาะ ในการดำเนินงานต่างๆ บางครั้งจำเป็นต้องทำรายงานข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ
3. ส่วนประกอบของระบบสารสนเทศ
3.1 บุคลากร เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดเพราะบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถและเข้าใจวิธีการที่ได้มาซึ่งสารสนเทศ
3.2 ขั้นตอนการปฏิบัติ เป็นระเบียบวิธีการปฏิบัติงานในการจัดเก็บรักษาข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่จะทำให้ได้มาซึ่งสารสนเทศ
3.3 ฮาร์ดแวร์ คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการหรือประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศตามต้องการ
3.4 ซอฟต์แวร์ คือ ลำดับขั้นตอนคำสั่งที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้
3.5 ข้อมูล เป็นวัตถุดิบที่จะทำให้เกิดสารสนเทศ ข้อมูลที่เป็นวัตถุดิบจะต่างกันขึ้นกับสารสนเทศที่ต้องการ
4.ประเภทของข้อมูล
4.1 ข้อมูลปฐมภูมิ หมายถึง ข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมหรือบันทึกจากแหล่งข้อมูลโดยตรง อาจจะสอบถาม การสัมภาษณ์ การสำรวจ ตลอดจนการจัดหามาด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติต่างๆ ที่ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลได้
4.2 ข้อมูลทุติยภูมิ หมายถึง ข้อมูลที่มีผู้อื่นรวบรวมไว้ให้แล้ว บางครั้งอาจจะมีการประมวลผลเพื่อเป็นสารสนเทศ ผู้ใช้ข้อมูลไม่จำเป็นต้องไปสำรวจเอง
5. การประมวลผลข้อมูล ในการนำข้อมูลไปใช้ให้เกิดประโยชน์ การประมวลผลข้อมูลเป็นกระบวนการที่มีกระบวนย่อยหลายกระบวนการประกอบกันตั้งแต่การรวบรวมข้อมูล การแยกแยะ การตรวจสอบความถูกต้อง การคำนวณ การจัดลำดับ การรายงานผล รวมถึงการส่งข้อมูลหรือการแจกจ่ายข้อมูลนั้น
6. วิธีการประมวลผล
6.1 การประมวลผลแบบเชื่อมตรง (online processing) หมายถึง การทำงานในขณะที่ข้อมูลเดินทางไปบนสายสัญญาณเชื่อมต่อจากเครื่องปลายทาง(terminal) ไปยังฐานข้อมูล
6.2 การประมวลผลแบบกลุ่ม(batch processing) หมายถึง การประมวลผลในเรื่องที่สนใจเป็นครั้งๆ
7. การจัดการสารสนเทศ
7.1 การเก็บรวบรวมข้อมูล มีการเก็บรวบรวมข้อมูล การเก็บรวบรวมข้อมูลมีเทคนิคและวิธีการหลายอย่าง เช่น การใช้เครื่องจักรช่วยเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการตรวจจากรหัสแท่งหรืออ่านข้อมูลที่ใช้ดินสอดำระบายตำแหน่งที่กรอกข้อมูล
7.2 การตรวจสอบข้อมูล เมื่อเก็บข้อมูลแล้ว จำเป็นต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
7.3 การรวบรวมเป็นแฟ้มข้อมูล การเก็บรวบรวมข้อมูลไว้เป็นแฟ้ม เป็นขั้นตอนที่สำคัญ จำเป็นต้องแยกข้อมูลออกป็นกลุ่มเป็นเรื่องไว้เป็นแฟ้มข้อมูล เพื่อให้การดำเนินการในขั้นตอนจะได้สะดวก
7.4 การจัดเรียงข้อมูล ข้อมูลที่เก็บไว้เป็นแฟ้มควรมีการจัดเรียงลำดับข้อมูล เพื่อสะดวกต่อการค้นหาหรืออ้างอิงในภายหลัง การจัดเรียงข้อมูลเป็นวิธีการประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศวิธีหนึ่ง
7.5 การคำนวณ ข้อมูลที่จัดเก็บมีทั้งข้อมูลที่เป็นตัวอักษร ข้อความ ตัวเลข ดังนั้นมีความจำเป็นในการคำนวณที่ได้มาจากข้อมูล
7.6 การทำรายงาน การสรุปทำรายงานให้ตรงกับความต้องการของการใช้งาน จะทำให้การใช้สารสนเทศมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น
7.7 การจัดเก็บ ข้อมูลที่มีการสำรวจหรือรวบรวมมา จำเป็นต้องดำเนินการจัดเก็บเอาไว้เพื่อใช้ภายหลัง สมัยใหม่มักเปลี่ยนรูปแบบที่สามารถจัดเก็บในสื่ออิเล็กทรอนิกส์
7.8 การทำสำเนา หากต้องการใช้ข้อมูลก็สามารถคัดลอกหรือทำสำเนาขึ้นใหม่ได้
7.9 การแจกจ่ายและการสื่อสารข้อมูล เมื่อต้องการแจกจ่ายข้อมูลให้ผู้อื่นใช้สามารถกระทำการแจกจ่ายได้โดยง่าย
8.การแทนข้อมูล จากที่กล่าวมา สารสนเทศ คือ ข้อมูลที่ได้ผ่านการประมวลผล การประมวลผลข้อมูลส่วนใหญ่จะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ช่วยเพื่อความรวดเร็วและความแม่นยำ การทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมี 2 สถานะ คือ ปิดและเปิด จึงมีการกำหนดให้ใช้ตัวเลข 0 และ 1 ซึ่งเป็นตัวเลขในระบบเลขฐานสอง
2.สารสนเทศ (information) หมายถึง ข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เพราะได้ผ่านการประมวลผลด้วยวิธีการที่เหมาะสมและถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ อยู่ในรูปแบบที่สามารถนำไปใช้งานได้ และต้องอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องการ
2.1 ระบบสารสนเทศ (information System : IS) คือ การดำเนินงานกับข้อมูล ตามขั้นตอนการปฏิบัติงาน โดยบุคลากรใช้ฮาร์ดแวร์ และ ซอฟต์แวร์ เป็นเครื่องมือให้ได้มาซึ่งสารสนเทศที่ต้องการ
การจัดทำสารสนเทศจะทำให้เกิดความรอบรู้ที่จะช่วยในการตัดสินใจหรือวางแผนในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ
สารสนเทศสามารถแบ่งประเภทได้ตามความต้องการที่จัดขึ้นได้ ดังนี้
1.) สารสนเทศที่ทำเป็นประจำ เป็นสารสนเทศที่จัดทำขึ้นเป็นประจำ และมีการดำเนินการโดยสม่ำเสมอ
2.) สารสนเทศที่ต้องทำตามกฎหมาย ตามข้อกำหนดแต่ละประเทศจะมีการให้ทำรายงานส่งเพื่อการต่างๆ
3.) สารสนเทศที่ได้รับมอบหมายให้จัดขึ้นโดยเฉพาะ ในการดำเนินงานต่างๆ บางครั้งจำเป็นต้องทำรายงานข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ
3. ส่วนประกอบของระบบสารสนเทศ
3.1 บุคลากร เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดเพราะบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถและเข้าใจวิธีการที่ได้มาซึ่งสารสนเทศ
3.2 ขั้นตอนการปฏิบัติ เป็นระเบียบวิธีการปฏิบัติงานในการจัดเก็บรักษาข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่จะทำให้ได้มาซึ่งสารสนเทศ
3.3 ฮาร์ดแวร์ คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการหรือประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศตามต้องการ
3.4 ซอฟต์แวร์ คือ ลำดับขั้นตอนคำสั่งที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้
3.5 ข้อมูล เป็นวัตถุดิบที่จะทำให้เกิดสารสนเทศ ข้อมูลที่เป็นวัตถุดิบจะต่างกันขึ้นกับสารสนเทศที่ต้องการ
4.ประเภทของข้อมูล
4.1 ข้อมูลปฐมภูมิ หมายถึง ข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมหรือบันทึกจากแหล่งข้อมูลโดยตรง อาจจะสอบถาม การสัมภาษณ์ การสำรวจ ตลอดจนการจัดหามาด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติต่างๆ ที่ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลได้
4.2 ข้อมูลทุติยภูมิ หมายถึง ข้อมูลที่มีผู้อื่นรวบรวมไว้ให้แล้ว บางครั้งอาจจะมีการประมวลผลเพื่อเป็นสารสนเทศ ผู้ใช้ข้อมูลไม่จำเป็นต้องไปสำรวจเอง
5. การประมวลผลข้อมูล ในการนำข้อมูลไปใช้ให้เกิดประโยชน์ การประมวลผลข้อมูลเป็นกระบวนการที่มีกระบวนย่อยหลายกระบวนการประกอบกันตั้งแต่การรวบรวมข้อมูล การแยกแยะ การตรวจสอบความถูกต้อง การคำนวณ การจัดลำดับ การรายงานผล รวมถึงการส่งข้อมูลหรือการแจกจ่ายข้อมูลนั้น
6. วิธีการประมวลผล
6.1 การประมวลผลแบบเชื่อมตรง (online processing) หมายถึง การทำงานในขณะที่ข้อมูลเดินทางไปบนสายสัญญาณเชื่อมต่อจากเครื่องปลายทาง(terminal) ไปยังฐานข้อมูล
6.2 การประมวลผลแบบกลุ่ม(batch processing) หมายถึง การประมวลผลในเรื่องที่สนใจเป็นครั้งๆ
7. การจัดการสารสนเทศ
7.1 การเก็บรวบรวมข้อมูล มีการเก็บรวบรวมข้อมูล การเก็บรวบรวมข้อมูลมีเทคนิคและวิธีการหลายอย่าง เช่น การใช้เครื่องจักรช่วยเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการตรวจจากรหัสแท่งหรืออ่านข้อมูลที่ใช้ดินสอดำระบายตำแหน่งที่กรอกข้อมูล
7.2 การตรวจสอบข้อมูล เมื่อเก็บข้อมูลแล้ว จำเป็นต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
7.3 การรวบรวมเป็นแฟ้มข้อมูล การเก็บรวบรวมข้อมูลไว้เป็นแฟ้ม เป็นขั้นตอนที่สำคัญ จำเป็นต้องแยกข้อมูลออกป็นกลุ่มเป็นเรื่องไว้เป็นแฟ้มข้อมูล เพื่อให้การดำเนินการในขั้นตอนจะได้สะดวก
7.4 การจัดเรียงข้อมูล ข้อมูลที่เก็บไว้เป็นแฟ้มควรมีการจัดเรียงลำดับข้อมูล เพื่อสะดวกต่อการค้นหาหรืออ้างอิงในภายหลัง การจัดเรียงข้อมูลเป็นวิธีการประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศวิธีหนึ่ง
7.5 การคำนวณ ข้อมูลที่จัดเก็บมีทั้งข้อมูลที่เป็นตัวอักษร ข้อความ ตัวเลข ดังนั้นมีความจำเป็นในการคำนวณที่ได้มาจากข้อมูล
7.6 การทำรายงาน การสรุปทำรายงานให้ตรงกับความต้องการของการใช้งาน จะทำให้การใช้สารสนเทศมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น
7.7 การจัดเก็บ ข้อมูลที่มีการสำรวจหรือรวบรวมมา จำเป็นต้องดำเนินการจัดเก็บเอาไว้เพื่อใช้ภายหลัง สมัยใหม่มักเปลี่ยนรูปแบบที่สามารถจัดเก็บในสื่ออิเล็กทรอนิกส์
7.8 การทำสำเนา หากต้องการใช้ข้อมูลก็สามารถคัดลอกหรือทำสำเนาขึ้นใหม่ได้
7.9 การแจกจ่ายและการสื่อสารข้อมูล เมื่อต้องการแจกจ่ายข้อมูลให้ผู้อื่นใช้สามารถกระทำการแจกจ่ายได้โดยง่าย
8.การแทนข้อมูล จากที่กล่าวมา สารสนเทศ คือ ข้อมูลที่ได้ผ่านการประมวลผล การประมวลผลข้อมูลส่วนใหญ่จะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ช่วยเพื่อความรวดเร็วและความแม่นยำ การทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมี 2 สถานะ คือ ปิดและเปิด จึงมีการกำหนดให้ใช้ตัวเลข 0 และ 1 ซึ่งเป็นตัวเลขในระบบเลขฐานสอง
วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)